วันที่นำเข้าข้อมูล 1 ก.ย. 2568
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 1 ก.ย. 2568
อีกก้าวเดียว
กัลกัตตา 21 สิงหาคม 2568
ฝนปรอยข้างนอก ชะลอความเร็วของรถบนถนนทุกคัน วันธรรมดาแบบนี้ ทุกคนต่างรีบ ขับเบียดกัน ถึงได้ไวค่อยโล่งหายรำคาญรถติดกับเสียงแตรที่บาดแก้วหูไปได้
ยังจะมีรถกี่คันนะ ที่ไม่อยากให้ถึงที่หมายในวันฝนปรอย นึกไม่ออกเลยจริง ๆ เราสามคนจากสถานกงสุลใหญ่กัลกัตตาก็รีบ อยากให้ถึงที่หมายทันเวลานัด คนขับบีบแตรแข่งกับรถคันข้าง ๆ ตามธรรมเนียมการขับรถที่นี่ ฝนตก รถติด พลอยทำคนขับอึดอัดไปด้วย คงนึกอยากถามแล้วใช่ไหมว่า เราสามคนอยู่ที่ไหน กัลกัตตาค่ะ ที่เป็นเมืองท่าของอินเดียที่มีความสำคัญในอดีตในฐานะเมืองหลวงเก่า มีท่าเรือที่ขนส่งสินค้าปริมาณมากในแต่ละวัน ท่าเรือแม่น้ำและท่าเรือติดทะเลทำรายได้วันละหลายล้านล้านบาท หลายประเทศแถบนี้ พึ่งพาการขนส่งสินค้าจากท่าเรือที่นี่ เพราะไม่มีทางออกทะเลกัลกัตตาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่หลายคนชอบ แวะมาแล้ว ต้องติดใจแวะมาอีก มีตึกรามบ้านช่อง อนุสาวรีย์สไตล์โคโลเนียลที่โอ่อ่า โบสถ์เลียนแบบโบสถ์เมือง Canterbury ไม่นับร้านเสื้อผ้า ร้านอาหารที่น่าจะมีความยาวพันโลกได้ อันนี้ไม่ได้โม้ มาเที่ยวชมเองได้
แต่วันนี้ เราสามคนไม่ได้ไปเที่ยวไหน ไปทำหน้าที่กงสุลให้คนไทยที่นี่ต่างหาก คนขับกำลังพาเราไปทัณฑสถาน Dum Dum Correctional Home ค่ะ เราไปเยี่ยมคนไทยที่ถูกคุมขังอยู่ที่นั่น ลัดเลี้ยวเข้าซอยอยู่พักหนึ่ง รถก็พามาเรามาเทียบหน้าประตู ผ่านรั้วใหญ่ที่มีคนกลุ่มหนึ่ง รอการเข้าเยี่ยม จากนั้น ไม่นานนัก เราก็เดินผ่านประตูไม้บานโตเบ้อเร่อ กุญแจดอกโตขนาดเท่าถ้วยขนม มีเจ้าหน้าที่ยืนคุมไขกุญแจเข้าออก เรียกว่าไม่มีทางวิ่งปรู๊ดมุดหนีอย่างไรได้เลย เจ้าหน้าที่เรือนจำมาต้อนรับเรา ก่อนพาไปดำเนินการยื่นเอกสารขอเข้าเยี่ยมนั่งรออยู่พักใหญ่ทีเดียว มีญาติหลายคน ทยอยมายื่นเอกสารขอเข้าเยี่ยม ตอนแรก เรานึกว่าจะได้เดินเข้าไปข้างใน มีห้องให้เยี่ยม ที่ไหนได้ เขาอำนวยความสะดวกเราเสียอย่างดี ไปเชิญผู้ต้องขังทีละสองคน มาพบเราในห้องทำงานเจ้าหน้าที่ ที่นั่งอยู่กันเกือบห้าคน ที่หนักใจมาตั้งแต่วันขอเข้าเยี่ยม คือ ได้รับแจ้งว่าต้องพูดอังกฤษเท่านั้น ไม่งั้นต้องหาล่ามที่มีใบรับรองการแปลแบบมืออาชีพเป็นคนอินเดียเท่านั้น อีกทางหนึ่ง ก็พูดกับผู้ต้องขังเป็นภาษาอังกฤษ เราสามคนคุยกันอยู่นาน ว่าจะคุยกับผู้ต้องขังอย่างไรได้ นั่งภาวนาให้มีใครสักคนในจำนวนผู้ต้องขังพูดอังกฤษได้ เขาห้ามพูดไทยเป็นแม่นมั่น เพราะผู้คุม พัสดี สารพัดเจ้าหน้าที่จะยืนฟังคำถามอยู่ด้วย ไม่ให้มีความใด ๆ เล็ดลอดไปจากผู้ต้องขังเลย ก็คดียังพิจารณาไม่สิ้นสุด อะไรที่ผู้ต้องขังจะเล่าออกมา ต้องไม่เป็นความลับทั้งนั้น อาจมีผลทางคดีได้ เอ้า เกือบลืมบอก ผู้ต้องขังที่มาเยี่ยมมีสี่คน ชายสอง หญิงสอง
ประตูที่แง้มออกช้า ๆ พอดีกับจังหวะการก้าวเท้าก้าวหนึ่ง เผยให้เห็นชายรูปร่างบาง ผิวขาวเดินเข้ามา ก่อนที่ชายผิวคล้ำร่างท้วมจะเดินตามมา คำแรกที่พวกเราพูดเป็นเสียงเดียวกัน Do you speak English? อาการพยักหน้าและคำว่า yes จากน้องผิวขาว ทำให้เราสามคนยิ้มหน้ารื่น เราพบน้องผู้ชายสองคนก่อน จึงเป็นน้องผู้หญิง (มีล่ามเป็นน้องผู้ชายตลอดการสนทนา) ที่ต่างไม่รู้กัน ว่ามาอยู่ที่เดียวกัน เพราะเขาแยกแดน ไม่ให้ปะปนกัน การคุยก็เริ่มขึ้น หลายเรื่องที่เราคุยกัน ตั้งแต่ความเป็นอยู่ อาหาร ต่าง ๆ นานา ทุกคนคิดถึงบ้าน อยากออกไปจากที่นี่ แน่นอนว่า ไม่สบายเหมือนบ้าน สิ่งที่ตอบมาตรงกัน คือ ไม่น่าไปรับหิ้วเลย ไม่คุ้มใด ๆ ไม่ว่าค่าจ้างจะสูงแค่ไหน หรือ จะได้ตั๋วฟรี ที่พักฟรี แถมอาหารสักกี่มื้อ เพราะยังไม่ทันได้ออกจากสนามบิน ก้าวเดียวนี้ไม่พ้น ไม่มีใครให้อะไรฟรี ๆ หรอก แถมที่นอนกลายเป็นที่อื่นที่ไม่ใช่โรงแรม อาหารที่ว่า ก็เลือกไม่ได้ บางมื้อ กินไม่ได้ กระเป๋าปุยนุ่นหรืออะไรต่างๆ ที่หอบมา กลายร่างเป็นกัญชาซุกมา อย่าไปเชื่อใครนะ ยิ่งคนสนิท ยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่เลย นี่คนสนิท เพื่อนกันนี่ล่ะ มาชวน ใครจะไปคิดนะพี่ เขามาทำพวกเราแบบนี้ เราสามคนนิ่งงัน ตอบอารมณ์ไม่ถูกเลยว่า รู้สึกอย่างไร
แววตาดีใจที่เขามองมา พร้อมคำพูดว่า อยากให้พี่ช่วยพวกผมออกไปจากนี่ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก และจะไปเตือนคนไทยในโซเชียลมีเดีย ไม่ให้มาหลงผิดแบบพวกผม พวกเรานั่งมองตากัน เขาคิดดีจัง จะไปเตือนคนอื่น ทั้งที่ตนเองรับโทษอยู่ จากการไปคุยกับเจ้าหน้าที่ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ถูกวานจริง ๆ โดยไม่มีเจตนา และอีกร้อยเหตุผลที่ต้องว่ากันไป เพื่อพิสูจน์ความสุจริต โทษถึงจะเบาลง และศาลมีคำพิพากษาอย่างไร นั่นคือ ที่สุดของคดี ไม่มีใครช่วยใครได้เลย กฎหมายที่นี่เข้มงวด ลองลักลอบรับฝากทองคำ หรือยาเสพติดมาล่ะก้อ นิดเดียวก็ไม่ได้ เตือนก่อนนะ อย่าไปรับฝากเชียว ทองหยองไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใส่มานะจ๊ะ
ที่นี่ เราไม่สามารถนำของฝากมาเยี่ยมน้อง ๆ ทั้งหมดได้มากนัก มีกฎเข้มงวด ห้ามอาหารปรุงสุก ยา ของเหลวสารพัด คงพอได้ถ้าเป็นอาหารแห้ง ขนมขบเคี้ยว แต่ต้องขออนุญาตนานเอาเรื่อง (ชนิดเดือนหนึ่งก่อนไปเข้าเยี่ยม หนนี้ เจ้าหน้าที่กำชับไม่ให้เราหอบอะไรเข้ามาได้สักอย่าง) วิธีที่ดีที่สุดในวันนั้น คือ การฝากเงินส่วนหนึ่ง ไว้ให้ผู้คุมช่วยซื้อของจำเป็นให้ ห้าคนที่นี่ ยังมีอีกนะ มีอีกสองคนที่รัฐพิหาร ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ปลอมแปลงเอกสารคนหนึ่ง ยาเสพติดคนหนึ่ง ทางเราจากสถานกงสุลใหญ่ที่กัลกัตตาจะไปเยี่ยมน้องทั้งสองคนในโอกาสอันใกล้ เรามีมือที่เอื้อมถึงทุกคน กัลกัตตามีเขตอาณาดูแลรัฐพิหารด้วย
ย้ำอีกทีนะคะ ยาเสพติดแค่นิดเดียว ปลายนิ้วก็ไม่ได้ คดีปลอมแปลงเอกสาร เข้าสนามบิน ทั้งที่ไม่ใช่ผู้โดยสาร ที่นี่มีโทษหนักหนา ทองคำนี่ ยิ่งโทษเยอะเข้าไปอีก อย่าเสี่ยงเด็ดขาด ไม่งั้นคำว่า กลับบ้าน จะอยู่ไกลเกินความคาดหมาย เกินฝัน อาจจะฟังดูขัดกันจังนะ ที่นี่เป็นดินแดนที่หลายคนที่มีศรัทธาจะมาแสวงบุญให้ได้ ดินแดนของศาสนาพุทธ ที่หลายคนมาแล้วอยากมาอีก มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง เรื่องที่เล่ามาข้างบน กลับเป็นเรื่องที่คนกลุ่มหนึ่งนำพาสินค้าไม่พึงประสงค์ให้อีกคนหนึ่งหอบ ถ้าเป็นหลักพุทธ นี้ คือ บาปนักหนา เห็นกันจะจะ คืออีกก้าวเดียวจะพ้นไปได้เข้าเมือง อีกคำเดียวถ้าปฏิเสธ ก็จะไม่พบความยุ่งยากลำบากใจ กาย ก้าวเดียวไปคว้าหูกระเป๋าขึ้นสายพาน ก้าวเดียวนี้ไม่ผ่านเวรกรรม ไม่อยากให้ใครหลงก้าวมาที่นี่แบบนี้เลย โทษสูงสุด 14 ปี นานพอที่เด็กคนหนึ่งจะโตไปเป็นวัยรุ่นทีเดียวเลยนะ
วันที่เขียนเรื่องนี้ ฝนตกหนักมาทั้งบ่าย สายฝนบังตึกรามบ้านช่องจนเห็นสีขาวทั้งเมือง สงสัยจัง ยังจะมีรถกี่คันนะที่ไม่อยากให้ถึงที่หมายในวันฝนปรอย ถ้าที่หมายวันนั้น คือ ที่ ๆ พวกเราสามคนไปมาในวันนี้
* * * * * * * * *