เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2566 น.ส. อัจฉราพรรณ ยาวะประภาษ กงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา ได้รับเชิญให้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงานแนะนำผลิตภัณฑ์ของโรงแรมในเครือดุสิตธานีสำหรับกลุ่มลูกค้าในอินเดีย (Dusit Hotels and Resorts India Showcase 2023) ณ โรงแรม The Oberoi Grand, Kolkata โดยมีนาย Nichlas John Maratos รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ เป็นผู้นำคณะผู้แทนโรงแรมในเครือดุสิตธานี จำนวน 7 แห่ง มาพบปะสร้างเครือข่ายและจับคู่ทางธุรกิจกับตัวแทนบริษัททัวร์ท้องถิ่นกว่า 50 คน
กงสุลใหญ่ฯ กล่าวสวัสดีปีใหม่เนื่องในวันสงกรานต์ และวันปีใหม่เบงกาลี ซึ่งตรงกับวันที่ 15 เม.ย. และสะท้อนถึงความผูกพันทางวัฒนธรรมระหว่างไทยกับอินเดีย โดยประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทยได้รับการบรรจุในบัญชีเบื้องต้นขององค์การ UNESCO เพื่อพิจารณารับรองเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติในเดือน ธ.ค. 2566 กงสุลใหญ่ฯ เน้นย้ำความสำคัญของตลาดนักท่องเที่ยวชาวอินเดียสำหรับประเทศไทย โดยล่าสุดได้ปรับเพิ่มเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวชาวอินเดียในปี 2566 จากเดิม 1.4 ล้านคน เป็น 2 ล้านคน หรือเทียบเท่ากับก่อนสถานการณ์โควิด-19 และมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านแนวคิด 5F Soft Power ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์ (Film) แฟชั่น (Fashion) ศิลปะการป้องกันตัวและการออกกำลังกาย (Fight, Fit & Firm) และเทศกาล (Festivals) นอกจากนี้ กงสุลใหญ่ฯ กล่าวแนะนำเครือดุสิตธานีในฐานะแบรนด์โรงแรมที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และรักษาเสน่ห์การให้บริการของคนไทยในโรงแรมที่หลากหลายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
ปัจจุบัน เครือดุสิตธานีมีโรงแรมกว่า 50 แห่งใน 13 ประเทศ และมีแผนที่จะเปิดโรงแรม 2 แห่งใหม่ในอินเดียในเมืองกัลกัตตาและเมืองชิมลา อีกทั้งได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงในระดับนานาชาติ เช่น โรงแรมดุสิตธานีอาบูดาบีได้รับรางวัล Best Luxury Hotel on the Middle East เมื่อปี 2560 และรีสอร์ทดุสิตธานมัลดีฟส์ได้รับรางวัล Best Family Resort เมื่อปี 2565 ในกิจกรรมครั้งนี้ เครือดุสิตธานีได้นำเสนอโรงแรม 7 แห่ง ได้แก่ ดุสิตปริ้นเซสศรีนครินทร์ ดุสิตธานีพัทยา ดุสิตธานีลากูนาภูเก็ต ดูสิตธานีหัวหิน ดุสิตธานีมัลดีฟส์ ดุสิตธานีอาบูดาบี และดุสิตธานีหิมาลายันรีสอร์ทดูลิเคลเนปาล เพื่อตอบสนองกับความต้องการที่หลากหลายของตลาดนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย